ธรรมชาติสร้างสรรค์ น้ำจืดกลางทะเล พบผุดชายหาดกระบี่ตลอดปี

ธรรมชาติสร้างสรรค์ น้ำจืดกลางทะเล พบผุดชายหาดกระบี่ตลอดปี

วันที่ 27 ธันวาคม ที่ผ่านมา นายอุทิศ ลิ่มสกุล ผอ สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกระบี่ ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน หมู่ 2 บ้านเกาะปู ต.เกาะศรีบอยา อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ ว่ามีตาน้ำผุดอยู่ในทะเลบริเวณชายหาดบ้านเกาะปู เป็นสิ่งที่สร้างความประหลาดใจ และเป็นเรื่องอัศจรรย์ แก่ผู้พบเห็น จึงลงพื้นที่ตรวจสอบ จุดที่มีน้ำผุดอยู่ใกล้ชายหาด

มีการนำท่อซิเมนต์วางคคลอบไว้ และน้ำทะเลกำลังขึ้น และท่วมพ้นปากท่อ ประมาณ 1 เมตร จึงรอน้ำลดแห้งชายหาด พบในวงท่อ มีน้ำผุดขึ้นมาจากพื้นดินอยู่ภายในท่อ จึงลองตักน้ำขึ้นมาชิมดู ปรากฎว่ารสชาติของน้ำจืดสนิท เหมือนกับน้ำจืดทั่วไป กลายเป็นเรื่องแปลกสำหรับผู้คนทั้งในเกาะ และผู้ที่ผ่านมาพบเห็น

จากการสอบถาม นายคูณภาส หลีเด็น อายุ 56 ปี ชาวบ้านที่อยู่ใกล้กับจุดดังกล่าว ทราบว่า น้ำที่ผุดขึ้นมากลางทะเลนั้น ชาวบ้านมาตักดื่มกินกันมานานแล้ว และไม่เคยแห้ง ต่อมาตนและชาวบ้านจึงช่วยกันนำท่อซิเมนต์มาวางไว้ เพื่อกักน้ำให้สามารถใช้สอยได้สะดวก สิ่งที่แปลกมากก็คือน้ำที่ผุดขึ้นมานั้นถึงแม้ว่าจะอยู่ในทะเล น้ำก็ยังจืดสนิท

ซึ่งต่างกับน้ำจืดที่อยู่ใกล้กับทะเล ส่วนใหญ่จะเป็นน้ำกร่อย หรือมีกลิ่นสนิม แต่น้ำที่ผุดขึ้นมานี้กลับใสสะอาด และจืดสนิท ซึ่งตนเชื่อว่าอาจจะมีแร่ธาตุบางอย่างที่มีประโยชน์ และจะนำน้ำดังกล่าวส่งไปให้หน่วยงานที่สามารถตรวจสอบได้ ตรวจดูอีกครั้งว่าน้ำดังกล่าวมีแร่ธาตุ อะไรบ้างหรือไม่

อย่างไรก็ตาม นอกจากชาวบ้านบนเกาะที่ทราบกันแล้ว ยังมีนักท่องเที่ยวต่างชาติหลายคนที่เดินทางมาเที่ยวบริเวณดังกล่าว ต่างก็แปลกใจกับสิ่งที่พบ ชาวต่างชาติหลายคนไม่เชื่อว่าน้ำจะจืดจริง ก็ลองเอาน้ำมาชิมดู ต่างก็พากันแปลกใจเพราะไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อน ตนจึงอยากให้หน่วยงานที่สามารถตรวจสอบเรื่องนี้ได้ ลองมาตรวจสอบดู ชาวบ้านหวังว่าอนาคตอาจจะพัฒนาพื้นที่ตรงนี้เป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญได้

นายอุทิศ ลิ่มสกุล ผอ.สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกระบี่ กล่าวว่า หลังจากที่ได้พิสูจน์น้ำจากน้ำผุดที่อยู่นทะเลแห่งนี้แล้ว พบว่าน้ำจืดสนิทจริงๆสามารถนำมาดื่มกินได้เหมือนที่ชาวบ้านในพื้นที่บอก หลังจากนี้ ทาง ททท สำนักงานกระบี่ จะผลักดัน ร่วมกับท้องถิ่นให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของ จังหวัดกระบี่ต่อไป

ที่มา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ