เซียนมวยกักตัว 14 วันไม่มีอาการ ตรวจอีกทีติด COVID

เซียนมวยกักตัว 14 วันไม่มีอาการ ตรวจอีกทีติด COVID

เป็นข่าวฮือฮาทีเดียวสำหรับการพบผู้ติด CO VID จากสนามมวยลุมพินีจำนวนมาก จึงขอให้ทุกคนที่ไปชมการแข่งขันมวยกักตัวเพื่อดูอาการ 14 วันทุกคน แต่มีเซียนมวยคนหนึ่งที่กักตัวเองครบ 14 วันแล้วไปตรวจพบว่าติด CO VID โดยทางเพจเฟซบุ๊ค ข่าวสารวงการมวย By aod k o โพสต์ข้อความระบุว่า มีเซียนมวยรายหนึ่งกักตัวอยู่ที่บ้านครบ 14 วัน แล้วเลือกจะไปตรวจอีกครั้งเพื่อความชัวร์ โดยที่ไม่มีอาการไอหรืออาการใดๆ แต่พบว่าติด CO VID

โดยเซียนมวยชื่อว่า มวยหูเต้ เยาวราช ผู้ที่ติด CO VID เผยว่า ตนเป็นหนึ่งในผู้ที่เข้าไปชมมวยที่สนามมวยลุมพินีในวันที่ 6 มีนาคม แต่ยังเดินทางไปเวทีมวยต่อถึงวันที่ 8 มีนาคม พอมาทราบข่าวว่ามีเซียนมวยเริ่มติด CO VID ตนจึงได้เริ่มกักตัวอยู่ที่บ้านตั้งแต่วันที่ 12 ถึง 21 มีนาคม โดยที่ไม่มีอาการใดๆ

แต่ประมาณวันที่ 14 ถึง15 มีนาคม รู้สึกว่าตัวร้อนๆ แต่พอวัดไข้ด้วยปรอทวัดไข้ก็พบว่าอุณหภูมิปกติ และเวลาอยู่ในห้องแอร์จะรู้สึกเจ็บจี๊ดๆที่เส้นเอ็นขา แต่ปกติก็เคยเป็นบ่อยจึงไม่ได้เอะใจอะไร และหลังจากนั้นก็ไม่มีอาการอะไรอีกเลย ทั้งไข้ ไอ หรือเจ็บคอ

หลังจากกักตัวครบ 14 วัน ด้วยความที่อยู่วงการมวย จึงอยากจะไปตรวจให้ละเอียดอีกครั้งเพื่อความสบายใจ วันที่ 21 มีนาคมตนและแฟนสาวจึงไปเข้ารับการตรวจและกลับมากักตัวที่บ้านเพื่อรอผลตรวจ โดยวันที่ 25 มีนาคม ผลตรวจพบว่าติด CO VID ทั้งสองคน ซึ่งช่วงระหว่างรอผลตรวจแฟนสาวเริ่มมีอาการไอ และมีไข้ แต่ตนยังคงไม่มีอาการใดๆ

หลังจากทราบผลการตรวจก็ได้เข้ารับการรักษาที่โรงบาล โดยตนก็ยังคงไม่มีอาการใดๆ หมอจึงไม่ได้ให้อะไรเป็นการกักตัวเพื่อรอดูอาการ ซึ่งตนยังงงๆว่าติดได้อย่างไร และทำไมถึงไม่มีอาการแบบคนอื่น จึงอยากจะฝากเตือนคนอื่นๆว่าคนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงและไม่มีอาการ อย่าประมาท

หากกักตัวครบแล้วควรไปเข้ารับการตรวจอีกครั้งเพื่อความชัวร์ เพราะหากว่ากักตัวครบแล้วไปใช้ชีวิตปกติ ก็คงไปแพร่ให้คนอื่นๆได้ รวมถึงวอนไปทางภาครัฐช่วยทำการตรวจให้กับกลุ่มเสี่ยง เพราะมีหลายคนที่ไปขอตรวจแต่ไม่ได้ตรวจ เพราะไม่มีอาการ จึงอยากให้เอากรณีนี้เป็นตัวอย่างที่ไม่มีอาการก็ติดได้

ขอบคุณ ข่าวสารวงการมวย BY aod k o

เรียบเรียง siamvariety

ไม่พลาดทุกข่าวสาร รู้ลึก รู้จริงก่อนใคร ติดตามข่าวสารผ่านช่องทางไลน์ แอดมาเป็นเพื่อนกับเราได้ที่นี่

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ