กระทรวงพลังงาน เผยตรึงค่าไฟ คืนค่าประกันมิเตอร์ สูงสุด 6000 ค้างจ่ายค่าไฟได้ 6 เดือน

กระทรวงพลังงาน เผยตรึงค่าไฟ คืนค่าประกันมิเตอร์ สูงสุด 6000 ค้างจ่ายค่าไฟได้ 6 เดือน

วันที่ 9 มีนาคม 2563 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จัดแถลงข่าวผลการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน กบง พร้อมด้วย นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน และนายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน สนพ ดยการประชุมครั้งนี้ วัตถุประสงค์เพื่อบรรเทาปัญหาเศรษฐกิจ จากการระบาดซึ่งได้ข้อสรุป 4 มาตรการ ดังนี้

1 คืนค่าประกันมิเตอร์ไฟฟ้า

ให้กับผู้ใช้ไฟฟ้า 2 ประเภท ได้แก่ บ้านอยู่อาศัย และ กิจการขนาดเล็ก รวมประมาณ 21.5 ล้านครัวเรือน

วงเงินรวมทั้งหมด 3 หมื่นล้านบาท ทำให้จะมีเงินกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจประมาณ 3 หมื่นล้านบาทเช่นกัน

จำนวนเงินที่คืนนั้น ขึ้นอยู่กับเงินประกันที่ผู้ใช้วางไว้กับการไฟฟ้า ซึ่งมีตั้งแต่ 300 6000 บาทต่อมิเตอร์

ทยอยคืนให้ตั้งแต่รอบบิลสิ้นเดือน มีนาคม 2563

2 ตรึงราคาค่าไฟฟ้า

โดยปัจจุบันค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 3.70 บาทต่อหน่วย แต่เมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา มีการตรึงลดค่า Ft เอฟที ไปแล้ว ทำให้ประชาชนจ่ายค่าไฟอยู่ที่ 3.60 บาท

ซึ่งมาตรการช่วยลดผลกระทบจาก CD 19

มีการไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ร่วมด้วย และจะช่วยลดค่าไฟฟ้าลงไปอีกประมาณ 0.11 สตางค์

ทำให้มาตรการช่วยประชาชนในช่วงนี้ การลดค่าไฟจาก 2 ส่วนข้างต้นรวมกัน เท่ากับค่าไฟลดลงประมาณ 20 สตางค์ เหลือประมาณ 3.50 บาทต่อหน่วย ระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนเมษายน - มิถุนายน

3 เพิ่มเวลาการจ่ายค่าไฟฟ้า

ขยายเวลาการจ่ายค่าไฟฟ้า รอบบิลเดือนเมษายน และพฤษภาคม ให้จ่ายช้าได้นานถึง 6 เดือน

สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภท บ้านพักที่อยู่อาศัย, กิจการขนาดเล็ก และโรงแรมที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19

4 เร่งสร้างงาน สร้างอาชีพ กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก

ใช้เงินกองทุนพัฒนาพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า วงเงินประมาณ 4 พันล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและสู้ภัยแล้ง

เช่น ขุดบ่อบาดาล ขุดลอกคลอง การแก้ปัญหาภัยแล้วต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดการจ้างงาน เพื่อช่วยสร้างอาชีพให้ประชาชน

อย่างไรก็ตาม ทั้ง 4 มาตรการ จะนำเสนอต่อที่ประชุม ครม ในวันนี้ 10 มีนาคม 2563

ขอบคุณที่มาจาก เฟซบุ๊ก สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์

ไม่พลาดทุกข่าวสาร รู้ลึก รู้จริงก่อนใคร ติดตามข่าวสารผ่านช่องทางไลน์ แอดมาเป็นเพื่อนกับเราได้ที่นี่

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ